ระบบโครงกระดูก
ร่างกายของมนุษย์ที่เจริญเติบโตเต็มที่จะประกอบด้วยกระดูกทั้งหมด 206
ชิ้นแบ่งเป็น กระดูกแกน 80 ชิ้น เช่น
กะโหลกศีรษะ กระดูกสันหลัง กระดูกก้นกบ กระดูกซี่โครง อีกพวกหนึ่ง คือ กระดูกรยางค์ จำนวน 126 ชิ้น เช่น กระดูกแขนขา สะบัก ไหปลาร้า เชิงกราน
ความสำคัญของกระดูก
โครงกระดูกมีหน้าที่สำคัญอยู่ 3 ประการ คือ
โครงกระดูกมีหน้าที่สำคัญอยู่ 3 ประการ คือ
- ป้องกันอันตรายให้แก่อวัยวะที่สำคัญ เช่น สมอง
ไขสันหลัง หัวใจ ปอด ตับ
- เป็นที่ยึดของกล้ามเนื้อ การที่เราเคลื่อนไหวได้เป็นผลมาจากการหดตัวและคลายตัว
ของกล้ามเนื้อ ที่ยึดติดกับกระดูก
- เป็นที่ยึดของกล้ามเนื้อ การที่เราเคลื่อนไหวได้เป็นผลมาจากการหดตัวและคลายตัว
ของกล้ามเนื้อ ที่ยึดติดกับกระดูก
ส่วนประกอบของกระดูก
1. สารอนินทรีย์ คือ สารแคลเซียมฟอสเฟต
ซึ่งเป็นสารทำให้กระดูกแข็งแกร่ง มีปริมาณสองในสามของเนื้อกระดูก
2. สารอินทรีย์ คือ สารที่มีลักษณะเหนียวและยืดหยุ่น
เช่น โปรตีน ทำหน้าที่ประสานโมเลกุลของแคลเซียมฟอสเฟตเข้าด้วยกัน
เกิดเป็นโครงร่างของกระดูก ถ้าขาดแคลเซียมฟอสเฟต จะทำให้กระดูกมีลักษณะอ่อนนิ่มเหมือนยาง
อย่างกระดองปูนิ่ม ขณะเดียวกันถ้าขาดสารโปรตีนจะมีลักษณะเป็นผงคล้ายขี้เถ้า
เกร็ดความรู้
กระดูกแต่ละชิ้นจะมีเอ็น เรียกว่า ลิกาเมนต์ ( Ligament)ซึ่งมีความเหนียวมากยึดติดกันทำให้กระดูกเคลื่อนไหวได้ในวงจำกัดและบริเวณที่กล้ามเนื้อที่ติดกับกระดูกยังมีเอ็นเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเรียกว่า เท็นดอน ( Tendon) ซึ่งจะช่วยยึดกล้ามเนื้อให้ติดกระดูกสำหรับกระดูกสันหลังมีหน้าที่ค้ำจุนร่างกายมีกระดูกชิ้นเล็กๆ เป็นข้อๆ แต่ละข้อมีแผ่นกระดูกอ่อน เรียกว่า “ หมอนรองกระดูก ” รองรับป้องกันการเสียดสีขณะเคลื่อนไหว และยังมีเอ็นและกล้ามเนื้อยึดติดกันแต่ละข้อ
ทำให้บิดตัวเอียงตัวก้มตัวและโน้มตัวได้
เกร็ดความรู้
กระดูกแต่ละชิ้นจะมีเอ็น เรียกว่า ลิกาเมนต์ ( Ligament)ซึ่งมีความเหนียวมากยึดติดกันทำให้กระดูกเคลื่อนไหวได้ในวงจำกัดและบริเวณที่กล้ามเนื้อที่ติดกับกระดูกยังมีเอ็นเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเรียกว่า เท็นดอน ( Tendon) ซึ่งจะช่วยยึดกล้ามเนื้อให้ติดกระดูกสำหรับกระดูกสันหลังมีหน้าที่ค้ำจุนร่างกายมีกระดูกชิ้นเล็กๆ เป็นข้อๆ แต่ละข้อมีแผ่นกระดูกอ่อน เรียกว่า “ หมอนรองกระดูก ” รองรับป้องกันการเสียดสีขณะเคลื่อนไหว และยังมีเอ็นและกล้ามเนื้อยึดติดกันแต่ละข้อ
ทำให้บิดตัวเอียงตัวก้มตัวและโน้มตัวได้
ข้อต่อกระดูก
โครงกระดูกของมนุษย์มีข้อต่อมากมาย
ซึ่งการมีข้อต่อจะทำให้กระดูกยืดหยุ่นและทำให้ส่วนต่างๆของร่างกายเคลื่อนไหวได้สะดวก
ข้อต่อมี 3 แบบ ดังนี้
1. ข้อต่อแบบลูกกลมในเบ้า เช่น กระดูกข้อต่อที่สะโพก
ข้อต่อที่หัวไหล่ ทำให้เคลื่อนไหว
ได้หลายทิศทาง รวมทั้งการหมุนแขนและหมุนขา ซึ่งในเบ้ากระดูกจะมีกระดูกอ่อนและ
น้ำไขข้อหล่อลื่น ช่วยลดการเสียดสีของกระดูกเวลาเคลื่อนไหว
ได้หลายทิศทาง รวมทั้งการหมุนแขนและหมุนขา ซึ่งในเบ้ากระดูกจะมีกระดูกอ่อนและ
น้ำไขข้อหล่อลื่น ช่วยลดการเสียดสีของกระดูกเวลาเคลื่อนไหว
2. แบบบานพับ เช่น
กระดูกข้อต่อที่นิ้วมือ นิ้วเท้า ข้อศอก หรือข้อพับต่างๆ
มีลักษณะการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับการเคลื่อนที่ของบานพับประตูหรือหน้าต่าง
มีลักษณะการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับการเคลื่อนที่ของบานพับประตูหรือหน้าต่าง
3. แบบเป็นเดือยสวมลงในเบ้า เช่น
กระดูกต้นคอทำให้เราสามารถก้มและเงยหน้า
เอียงคอซ้ายขวาและหันหน้าซ้ายขวา
เอียงคอซ้ายขวาและหันหน้าซ้ายขวา
การบำรุงรักษาและพัฒนาโครงร่าง
ข้อเคล็ด
เกิดจากเส้นเอ็นที่ยึดติดกระดูกฉีกขาด ทำให้อักเสบบวมบริเวณข้อต่อ และห้อเลือด
รักษาโดยใช้น้ำแข็งประคบ
1. ท่ายืนควรยืดไหล่หลังตรง แอ่นเล็กน้อยบริเวณคอ
3. การนั้งเอามือเท้าคาง หลังงอ ทกให้กรดูกสันหลังโก่ง
ปวดหลัง
4. การเดินเอาส้นเท้าลงก่อน ทำให้พยุงน้ำหนักได้ดี
เดินเร็วแล้วมีความรู้สึกว่าตัวเบากว่าการเดินเอาปลายเท้าลง
อาหารบำรุงกระดูก
อาหารช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก เช่นอาหารพวกที่มีแคลเซียมสูง
ได้แก่ นมสด ไข่แดง ผักใบเขียว ผลไม้ และอาหารที่มีวิตามินดี เช่น น้ำมันตับปลา
ผักสด
การออกกำลังกายเป็นประจำเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนากระดูกให้เจริญอย่างเต็มที่และแข็งแรง
ระวังอย่าให้น้ำหนักตัวมากเกินไปเพราะอาจทำให้ข้อต่อชำรุดเสื่อมสภาพเร็ว
โรคเกี่ยวกับกระดูก มาจากหลายสาเหตุ
1. จากพันธุกรรม
2. จากเชื้อโรค
3. จากสิ่งแวดล้อม
4. จากวัย, อายุที่เพิ่มขึ้น
ระบบกล้ามเนื้อ
กล้ามเนื้อเป็นเนื้อเยื่อที่พบในอวัยวะ
เกือบทุกชนิดของร่างกายและนับว่าเป็นเนื้อเยื่อที่มีปริมาณมากที่สุด
คือประมาณร้อยละ 40 - 50
ของน้ำหนักตัว การทำงานของกล้ามเนื้อ คือการหดตัว (contraction)
ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ระบบกระดูก
ระบบไหลเวียนของโลหิต ระบบหายใจ ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่ายปัสสาวะ เป็นต้น
1. กล้ามเนื้อลาย (Striated Muscles)
มีลักษณะคือ มีนิวเคลียสจำนวนมากอยู่ที่ขอบของเซลล์ มีลายตามขวาง สีเข้มและสีจางสลับกัน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนเมื่อย้อมด้วยสี คนที่ออกกำลังเสมอเส้นใยกล้ามเนื้อจะโตขึ้น และหนาขึ้น แต่จำนวนไม่เพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อลายมีหน้าที่เคลื่อนไหวร่างกายที่ข้อต่อต่างๆเคลื่อนไหวลูกตา ช่วยในการเคี้ยวและการกลืน เคลื่อนไหวลิ้น เคลื่อนไหวใบหน้าแสดงอารมณ์ต่างๆ และยังประกอบเป็นผนังอก และผนังท้อง ตลอดจนการควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhr3T1yMFNBKqq5vWMCyyLx-Fteea65_5UCclEklwZeW3SmTukVineUe7bEe0Aaqb194StjgDYYCMthJ4o0MImZ4FXqjPyy-BijnVPdLr2ggt33YXcl1zvTJddeC6kH7QYQIwP3drYKA4D/s200/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B7%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD.jpg)
2. กล้ามเนื้อเรียบ (Smooth Muscles)
มีลักษณะคือเป็นเซลล์รูปกระสวย มีนิวเคลียสรูปไข่อยู่ตรงกลาง กล้ามเนื้อเรียบเป็นกล้ามเนื้อที่บุอยู่ที่อวัยวะต่างๆภายในของร่างกายมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะย่อยอาหาร และอวัยวะภายในต่างๆ เช่น ลำไส้ กระเพาะอาหาร อวัยวะสืบพันธุ์ มดลูก เส้นเลือดดำ ฯลฯ ซึ่งอยู่นอกอำนาจของจิตใจ แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของระบบประสาทอิสระ (Autonomie Nervous System)
3. กล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiac Muscles)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihindf8wJEFmh7_Jh3IjcBo4UVbtgQBEePXyV2ymXCfpYZ1JcaSyLI7gT5HqZYdS2uJ81MqyFrkYkPixj6C5STlYMBo4NS9au2tOxe037dM_g2O9L_M8msUze-OLN890NeV7DG5KGYTiFC/s200/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD3.jpg)
รูปร่างคล้ายกล้ามเนื้อลาย และทำงานอยู่นอกเหนืออำนาจจิตใจ กล้ามเนื้อชนิดนี้พบที่หัวใจเพียงแห่งเดียว เซลล์ของกล้ามเนื้อหัวใจยังมีลักษณะพิเศษเฉพาะ คือมักจะแยกเป็นแฉก แต่ละแฉกของเซลล์หนึ่งจะเรียงประชิดต่อกับส่วนที่แยกของอีกเซลล์หนึ่ง ทำให้การเรียงตัวของกล้ามเนื้อหัวใจมีลักษณะคล้ายร่างแห
การทำงานของกล้ามเนื้อ
1. การทำงานของกล้ามเนื้อยึดกระดูกหรือกล้ามเนื้อลาย
1. การทำงานของกล้ามเนื้อยึดกระดูกหรือกล้ามเนื้อลาย
เซลล์กล้ามเนื้อมีลักษณะแตกต่างจากเซลล์ทั่ว
ๆ ไป
เพราะภายในเซลล์ประกอบด้วยโปรตีนที่ซ้อนกันเป็นกลุ่ม ๆ มากมาย เช่น ไมโอซิน
(myosin) แอคติน
(actin) สามารถทำงานได้โดยการหดตัวและคลายตัวสลับกันเป็นคู่
ๆ เรียกการทำงานแบบนี้ว่า แอนตาโกนิซึม (antagonism)
กล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดการงอแขน – งอขา
เรียกว่า ไบเส็บ
(biceps) ส่วนกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดการเหยียดแขนเหยียดขา เรียกว่า
ไตรเส็บ (triceps)
2.
การทำงานของกล้ามเนื้อเรียบ กล้ามเนื้อประเภทนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของระบบประสาทส่วนกลาง
การหดตัวของกล้ามเนื้อชนิดนี้ไม่รุนแรงและคลายตัวสลับอย่างช้า ๆ
พบได้ที่ผนังของอวัยวะระบบย่อยอาหาร
ระบบขับถ่าย และระบบสืบพันธุ์
3. การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำงานอยู่นอกอำนาจจิตใจ การทำงานเกิดขึ้นตลอดเวลากำลังของกล้ามเนื้อ
ความสามารถในการทำงานของกล้ามเนื้อจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ วัย เพศ (ฮอร์โมนของเพศชายมีผลให้กล้ามเนื้อแข็งแรงกว่าเพศหญิง)
การออกกำลังกายและอาหาร
เป็นต้น
หน้าถัดไป
หน้าถัดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น